เป้าหมายหลัก

1.เข้าใจ และตระหนักถึงความสำคัญ ของการทำงานระบบต่างๆของร่างกาย
2. เข้าใจและตระหนัก ถึงคุณค่าของอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ
3. ตระหนักถึงพิษภัยจากสารเคมีที่ปนเปื้อนมากับอาหารและสามารถผลิตอาหารบริโภคเองได้ในครัวเรือน
4. ตระหนักถึงคุณค่าของกิจกรรมทางกายและทางใจ เพื่อให้ร่ายกายมีความสุขได้

วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2557

4 สิงหาคม 2557


              4 สิงหาคม 2557

           
             วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดเทอม จากการสังเกตการณ์มาโรงเรียนตอนเช้า พี่ๆ นักเรียนโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา มาโรงเรียนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ผู้ปกครองพานักเรียนมาส่ง พร้อมลงลายมือชื่อ หน้าอาคารเรียน เป็นภาพบรรยากาศที่อบอุ่น หลังจากนั้นเข้าร่วมสังเกต วิถีปฏิบัติกิจกรรมในภาคเช้า สังเกตเห็นคณะครูมีปฏิสัมพันธ์กับนักเรียน ถามสารทุกข์สุขดิบ เล่นกับนักเรียน  หลังจากนั้นร่วมเข้าแถวหน้าเสาธง  ในเวลา  08.00 น.  โดยนักเรียนที่นี่มาเข้าแถวโดยไม่มีเสียงออด เตือน กิจกรรมหน้าเสาธงเป็นไปอย่างเรียบง่าย มีนักเรียนบางกลุ่มที่มาสาย ไม่ทันเพื่อน ได้ยืนเข้าแถวรอหน้าเสาธงเพื่อทำกิจกรรมเหมือนกับเพื่อนๆ
               




                เมื่อเสร็จกิจกรรมหน้าเสาธง นักเรียนและครูประจำชั้นเดินเข้าชั้นเรียน เพื่อทำกิจกรรมจิตศึกษา โดยในวันนี้ ได้ไปสังเกตการจัดกิจกรรมจิตศึกษาในระดับชั้น ป. 4 ซึ่งวันนี้มีครูภร พานักเรียนทำกิจกรรม โดยบรรยากาศในการทำกิจกรรมในห้องเรียน มีเสียงเพลงผ่อนคลายเปิดเบาๆ เหมาะแก่การ เตรียมความพร้อมของสมองเพื่อเริ่มต้นในการเรียนรู้ของวัน  ครูภรเริ่มด้วยการทำเบรนยิม หลังจากนั้นใช้คำถามถามพี่ๆ ชั้นป.4 ว่า  “เราไม่ได้เจอกันมากี่วัน”  “9 วัน” พี่ๆ ป.4 ตอบ  

 จากนั้นใช้คำถามว่า พี่ๆ ไปทำอะไรมาบ้าง บางคนบอกไปเลี้ยงน้อง เล่นเกม ช่วยแม่ทำงาน  ไปงานศพปู่ ไปงานศพตา แต่ละคนมีกิจกรรมที่แตกต่างกันออกไป หลังจากนั้นครูภร ก็นำพี่กล่องใบเล็ก  และ พี่กล่องใบใหญ่ ออกมาแล้ว บอกให้พี่ๆ ป.4 ให้ใช้มือที่แข็งแรงหยิบของในกล่องคนละ 1 กำมือ โดยให้กล่องเล็กวนขวา กล่องใหญ่วนซ้าย  ระหว่างที่พี่ๆ ได้ส่งกล่องให้เพื่อนๆ ครูภรได้ให้กำลังใจและชื่นชมพี่ๆ ตลอดเวลา เมื่อส่งครบทุกคน ได้ใช้คำถาม ว่าลักษณะสิ่งของที่ได้ คล้ายกับอะไร ให้พี่ๆ ยกมือแล้วแสดงความคิดเห็น บ้างก็ตอบว่าเหมือนพระจันทร์บ้างก็บอกว่า เหมือนถั่ว หลังจากนั้นให้เปรียบเทียบ ว่าเม็ดถั่วและดอกรักมีความแตกต่างกันอย่างไร  ซึ่งเป็นคำถามในการกระตุ้นให้นักเรียนได้ใช้ความคิด  ถึงแม้จะเป็นคำถามง่ายๆ อย่างน้อยก็ให้นักเรียนได้กล้าคิด กล้าพูด และครูภรได้ใช้เทคนิคในการ เล่าเรื่องเพื่อพานักเรียนได้นำสิ่งของที่วางอยู่ด้านหน้าของตนเอง แปลงร่างเป็นสิ่งของที่สำคัญที่สุดกับนักเรียนในช่วงปิดเทอมนี้ แต่ละคนก็แปลงร่างเป็นสิ่งของที่แตกต่างกัน บ้างก็ แปลงเป็นต้นข้าว  คอมพิวเตอร์ แมว วัด ซึ่งเทคนิคนี้ทำให้นักเรียนได้ฝึกเล่าเรื่อง เชื่อมโยงเรื่องที่สำคัญของตนเองในช่วงปิดภาคเรียน ฝึกทักษะการรับฟังผู้อื่น การแบ่งปันประสบการณ์  การทำความรู้จักเมื่อเจอกัน  การกลับมารู้ตัวหลังจากที่ปิดเทอมไป เป็นเวลา 9 วัน เป็นกิจกรรมที่ยอดเยี่ยม  และน่าสนใจเลยทีเดียว



               หลังจากนั้นได้เข้าห้อง เพื่อแบ่งปัน แลกเปลี่ยน แชร์ประสบการณ์ ระหว่างการสังเกตกิจกรรมจิตศึกษาชั้น ป. 4 และ  .1 ซึ่งในชั้น ป.1 ได้ใช้กิจกรรม การนำสิ่งของวัสดุธรรมชาติ ที่อยู่รอบตัว เช่น ก้อนหิน  ดิน  หญ้า ต่างๆ แล้วให้เดาว่ามีสิ่งของอะไรอยู่ในกล่อง เพื่อให้เด็กรู้จักการคาดเดา  และใช้คำถามว่า ของสิ่งนี้สำคัญอย่างไร หากไม่มีของสิ่งนี้จะเป็นอย่างไร เพื่อฝึกให้เด็กรู้จิกนอบน้อม มีจิตใหญ่
                

                ในภาคบ่ายได้เข้าสังเกตการณ์ทำ Body scan และการสอน pbl ชั้น ป.4 โดยครูฝน การทำ Body Scan ครูได้เปิดเพลงเพื่อผ่อนคลายสมอง แล้วเล่าเรื่อง ใช้พี่ใจสำรวจร่างกาย ให้พี่ ขา พี่แขน พี่กระดูกสันหลัง พี่ตา พี่ จมูก หลังจากใช้งานมาทั้งวัน ขอบคุณพี่ ให้พี่ได้พักผ่อน ผ่อนคลาย และเล่านิทานให้พี่ๆ ป.4 ฟังเมื่อเล่านิทานจบ ครูฝนถามว่าใครได้ยินครูเล่านิทานบ้างเกี่ยวกับเรื่องอะไร  สนทนากันสักครู่ 



                จากนั้นทบทวนเรื่องหัวข้อที่จะเรียนใน ควอเตอร์นี้ จากนั้นเปิดคลิปวีดีโอ ให้นักเรียนดูเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ระหว่างนักเรียนชมแต่ละคลิป คุณครูใช้คำถามเพื่อกระตุ้น เร้าความสนใจเป็นระยะ เช่นเห็นอะไรจากคลิปวีดีโอ รู้สึกอย่างไร จะนำไปใช้ต่อได้อย่างไร  คลิปวีดีโอแต่ละคลิปแตกต่างกันอย่างไร  หลังจากนั้น ครูวาดภาพการ์ตูนแสดงอารมณ์ต่างๆ บนกระดานแล้วให้นักเรียนทายว่า แต่ละหน้ามีอารมณ์เป็นอย่างไร  ขอตัวแทนนักเรียนวาดภาพอารมณ์ที่แตกต่างจากอารมณ์บนกระดาน  หลังจากนั้นครูให้นักเรียนออกแบบการ์ตูนที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองลงกระดาษ
                จากการสังเกตการณ์จัดกิจกรรมจิตศึกษา ของครูต๋อยแล้วครูภร ทำให้นึกย้อนกลับไปตอนที่สอนที่โรงเรียน และเปรียบเทียบ ว่าครูทั้งสองท่าน มีความสามารถในการควบคุมเด็ก และมีเทคนิคที่ใหม่ ปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลาทุกสถานการณ์ ไม่ว่าเด็กจะมาในลักษณะไหนก็ตาม สมกับเป็นครู
มืออาชีพจริงๆ 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น